ในปัจจุบันประเทศไทยได้เข้าสู่ปี ค.ศ. 1999 ซึ่งเท่ากับว่าประเทศไทยเหลือเวลาอีกไม่ถึง 1 ปีสำหรับการแก้ปัญหา Y2K และหากพิจารณาถึงการสำรวจขององค์การเพื่อความร่วมมือและพัฒนาทางเศรษฐกิจ (Organisation for Economic Co-operation and Development : OECD) สำรวจพบว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่ล้าหลังในการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000 ห่างจากประเทศสหรัฐอเมริกาถึง 18 -24 เดือน

         ประกอบกับในปัจจุบันระบบการค้าระหว่างประเทศในปัจจุบันเป็นระบบการค้าที่ต้องพึ่งพาอาศัย (Interdependence) กันอย่างมาก ประเทศต่างๆ จึงกังวลว่าหากประเทศใดประเทศหนึ่งไม่แก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000 อย่างจริงจังแล้วอาจเกิดผลกระทบรุกราม (Domino Theory) ไปยังประเทศอื่นๆ ดังเช่นวิกฤติการการเงินที่ส่งผลรุกลามไปทั่วโลกได้ อาจเกิดเป็นสภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลกได้ และประเทศต่างๆ  อาจยุติการทำการค้าและการติดต่อกับประเทศที่ไม่ให้ความสนใจในการแก้ปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ. 2000 เพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น

         อย่างไรก็ดีปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ. 2000 มิใช่จะส่งผลเฉพาะทางเศรษฐกิจ  สังคมและการเมืองเพียงเท่านั้น ปัญหาดังกล่าวยังส่งผลถึงปัญหาทางกฎหมายที่จะทำให้เกิดฟ้องร้องทั้งทางแพ่งและทางอาญาที่จะตามมาอย่าง ดังเช่นที่เนติบัณฑิตย์สภาแห่งสหรัฐอเมริกา (American Bar Association) ได้คาดการณ์ว่าค่าใช้จ่ายในการฟ้องรองเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000  จะมีมูลค่าสูงถึง 1 พันล้านล้านเหรียญสหรัฐฯ นอกจากนั้นได้มีการคาดการณ์ว่ากว่า 50% ของผู้จัดการและผู้บริหารในสหรัฐอาจถูกฟ้องให้ออกจากงานเนื่องจากไม่เอาใจใส่ในการแก้ไขปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000 อย่างจริงจัง

         นอกจากนั้นตัวอย่างปัญหาข้อกฎหมายที่จะมีการฟ้องร้องกันอย่างมากเกี่ยวกับปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000 อาทิ เช่น ปัญหาของสัญญาให้สิทธิในโปรแกรมคอมพิวเตอร์ (Software License) ปัญหากฎหมายทรัพย์สินทางปัญญา ปัญหากฎหมายประกันภัย ปัญหากฎหมายภาษีอากร และปัญหากฎหมายอาญาฐานทำให้เสียหายซึ่งชีวิตและร่างกาย เป็นต้น จากรายงานในประเทศสหรัฐอเมริกาได้มีคดีฟ้องร้องที่เกี่ยวกับปัญหาคอมพิวเตอร์ปี ค.ศ.2000 แล้วถึง 40 คดี